สอบถามบริการดูแลเรื่องวีซ่า https://www.facebook.com/helpforvisa/

ตัวอย่าง การกรอกแบบฟอร์ม วีซ่าอเมริกา ออนไลน์ (DS-160) อย่างละเอียด

ในการขอวีซ่าอเมริกา สิ่งที่ผู้ยื่นขอวีซ่าทุกคนต้องทำ คือ กรอกฟอร์ม DS-160 เพื่อ submit เข้าไปในระบบ ก่อนที่จะได้รหัสเพื่อนำไปจ่ายค่าธรรมเนียม เมื่อจ่ายค่าธรรมเนียมเรียบร้อยแล้ว ในระบบจึงจะขึ้นให้เราเข้าไปทำนัดหมายเพื่อสัมภาษณ์อีกที

การกรอก DS-160 นั้นมีความสำคัญมาก ถ้าเรากรอกรายละเอียดครบถ้วน ถูกต้อง เหตุผลชัดเจน จะช่วยในตอนสัมภาษณ์ได้มาก ยิ่งเจ้าหน้าที่อ่านแล้วได้ข้อมูลครบ อาจจะถามแค่ไม่กี่คำ แล้วให้วีซ่าได้เลย ดังนั้นทุกคนที่ยื่นขอวีซ่าอเมริกาควรทำตรงนี้ให้ดีที่สุด

วีซ่าอเมริกา ประเภทที่มีคนยื่นขอมากที่สุด จะเป็นวีซ่าธุรกิจและท่องเที่ยว BUSINESS & TOURISM (TEMPORARY VISITOR) (B1/B2) หรือส่วนใหญ่เราก็จะเรียกกันง่ายๆว่า วีซ่าท่องเที่ยว นั่นแหละ

ตรงนี้ถามว่าถ้าแบบนั้นขอเป็น B2 อย่างเดียว ซึ่งเป็น TOURISM ไม่ต้องขอ B1 ที่เป็นส่วนของ BUSINESS จะดีกว่ามั้ย ส่วนตัวผมมองว่าไม่ได้มีผลมากนะครับ และถ้าเป็นผมขอเอง ผมก็จะขอควบไปเลย เผื่อได้วีซ่ายาวๆ ครั้งนี้ไปเที่ยว ครั้งหน้าอาจจะไปเรื่องงานก็ได้ เงื่อนไขของวีซ่าจะได้ครอบคลุมทั้งหมด

ว่ากันมายาวละ เริ่มกันเลยดีกว่า

การจะเข้าไปกรอก DS-160 (online) นั้น จะต้องเข้าไปที่ลิ้งค์

https://ceac.state.gov/genniv/

พอเข้าไปแล้วก็จะเจอเว็บไซต์หน้าตาแบบนี้

สิ่งที่เราต้องทำ คือ เลือก Location ก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งถ้าเรายื่นในเมืองไทย จะมีให้เลือกคือ BANGKOK กับ CHIANG MAI นะครับ [1]

จากนั้นใส่ Code ตามที่เห็น [2]

และเราสามารถเช็คได้ตั้งแต่ขั้นตอนนี้เลยว่า ไฟล์รูปที่เราเตรียมมาเพื่ออัพโหลดนั้นใช้ได้หรือไม่ จะอยู่ตรง Test Photo ตรงกลาง [3]

แล้วเราก็เลือกครับว่าจะทำอะไร ถ้าเรายังไม่ได้เริ่มกรอกอะไรเลย เราก็เลือก START AN APPLICATION [4]

หากเรากรอกค้างไว้ แล้ว save และ download มาเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา เราอยากจะกรอกต่อ ก็เลือก UPLOAD AN APPLICATION [5]

และหากจด application ID ไว้ เราก็สามารถกรอกต่อจากที่เราเคยกรอกไว้เดิม ได้ด้วยการเลือก RETRIEVE AN APPLICATION [6]

พอเราเข้ามาแล้ว ในหน้าถัดไป เราก็จะเจอเลข application ID ตรงนี้สามารถจดไว้ หรือเซฟไว้ในคอมฯ เพื่อใช้ในการเปิดใบสมัครเดิมที่เรากรอกค้างไว้ เผื่อกรอกไปแล้วมีปัญหา เช่น กรอกๆอยู่เน็ตหลุด คอมแฮ้งค์ จะได้ไม่ต้องเริ่มกรอกใหม่ทั้งหมด ดังนั้นแนะนำให้จดไว้ครับ [1]

จากนั้นก็ต้องตอบคำถาม security question ก็เป็นเหตุผลด้านความปลอดภัยของข้อมูลเราเองนี่แหละ เผื่อคนอื่นได้ application ID ได้หน้าพาสปอร์ตเราไป จะเข้ามาแก้ไขข้อมูล แต่ก็จะมีโอกาสถูกกันไว้ด้วยคำถามนี้อีกที (ตรงนี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาของคนทั่วไปอย่างเราๆ แต่ก็อธิบายเผื่อไว้นะครับ) [2]

จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการกรอกข้อมูลของเราซึ่งเป็นผู้ที่ยื่นขอวีซ่า

Surnames – นามสกุล [1]

Given Names – ชื่อ [2]

Full Name in Native Alphabet – ชื่อในภาษาของเรา ในกรณีนี้ก็เป็นภาษาไทย แต่ก็จะเห็นว่าด้านล่างของช่องนี้ มีที่ให้ติ๊ก Does Not Apply/Technology Not Available อยู่ ในกรณีที่เราไม่สามารถกรอกชื่อเราในภาษาของเราได้ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม [3]

คำถามต่อมาเป็นคำถามเกี่ยวกับชื่อ หากเราเคยใช้ชื่ออื่น ก็ต้องตอบ Yes หากไม่เคย ก็ตอบ No [1]

ส่วนคำถามเกี่ยวกับ telecode ตรงนี้เท่าที่ผมทราบ อักษรไทย ไม่มี telecode นะครับ ก็ตอบ No ได้เลย [2]

ถัดมาเลย เป็นคำถามเกี่ยวกับ เพศของผู้ยื่นขอวีซ่า [1], สถานภาพ (โสด, สมรส, หย่าร้าง, ฯลฯ) [2], วัน เดือน ปีเกิด [3], สถานที่เกิด [4]

ยังอยู่ในส่วนของข้อมูลผู้ยื่นขอวีซ่า

สัญชาติ ก็เลือกไปตามจริง [1]

ส่วนคำถามถัดมา คือ เรามีสัญชาติอื่นนอกจากที่เราเลือกไว้หรือไม่ บางคนถือสองสัญชาติอะไร ก็ต้องแจ้ง ส่วนคนที่ถือสัญชาติเดียวก็ตอบ No [2]

หรือ เรามีสถานะเป็นผู้มีถิ่นอาศัยถาวร (Permanent Resident) ของประเทศไหนด้วยหรือไม่ เช่น บางคนอาจจะถือ PR ของออสเตรเลีย ตรงนี้ก็กรอกไป หากไม่มีก็ตอบ No [3]

National Identification Number คือ เลขประจำตัวประชาชน เราก็กรอกของไทยได้เลย [4]

ส่วน U.S. Social Security Number [5] กับ U.S. Taxpayer ID Number [6] ใครมีก็กรอก ใครไม่มีก็ติ๊กช่อง Does Not Apply

จากนั้นเป็น Address หรือ ที่อยู่ เราก็กรอก Home Address ที่อยู่ในบัตรประชาชนของเราไปให้ครบครับ [1]

ถัดมาจะมีคำถามว่าที่อยู่สำหรับจัดส่งเอกสาร (Mailing Address) ของเราตรงกับที่อยู่ที่เรากรอกไว้ข้างบนมั้ย ถ้าตรงเราก็ตอบ Yes แต่หากไม่ตรง ตอบ No แล้วก็ต้องกรอก Mailing Address เพิ่ม [2]

ถัดมาอีกก็กรอกเบอร์โทรศัพท์ [1] หากมีหลายเบอร์ หรือมีเบอร์ที่ทำงานด้วย ก็กรอกไปได้หมด

แล้วก็ Email Address [2]

จากนั้นก็เป็นส่วนของข้อมูลหนังสือเดินทาง (Passport Information)

ช่องแรก ประเภทของหนังสือเดินทาง สำหรับหนังสือเดินทางไทย สีเลือดหมู แบบที่ส่วนใหญ่มีกันคือ แบบ REGULAR [1]

ส่วนแบบอื่นอาจจะมีหนังสือเดินทางราชการ หนังสือเดินทางทูต อันนั้นก็เลือกเอา

ช่องต่อมา หมายเลขหนังสือเดินทาง [2]

และต่อมา Passport Book Number คือ หมายเลขเล่มหนังสือเดินทาง เข้าใจว่าสำหรับหนังสือเดินทางไทย เลขที่อยู่บนเล่ม จะเป็นเลขเดียวกับหมายเลขหนังสือเดินทาง ดังนั้นเราไม่ต้องกรอกก็ได้นะครับ ติ๊กช่อง Does Not Apply ได้เลย [3]

ต่อมา หนังสือเดินทางเป็นของประเทศไหน ก็เลือก ในที่นี้ก็เลือก THAILAND ครับ [4]

ในกรอบเล็กเป็นสถานที่ที่ออกหนังสือเดินทาง จริงๆใส่เฉพาะ City กับ Country ก็ได้นะครับ แต่ถึงใส่เกินไป คือ ครบทั้ง 3 ช่องเลย ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับการพิจารณาวีซ่า [5]

สุดท้ายในส่วนของหนังสือเดินทาง คือ วันออกหนังสือ [1] และวันหมดอายุ [2]

และปิดด้วยคำถามว่า คุณเคยทำหนังสือเดินทางหาย หรือถูกขโมยหรือไม่ ถ้าไม่เคย ก็ติ๊กช่อง No [3]

ส่วนถัดมา เป็นเรื่องของรายละเอียดการเดินทาง (Travel Information)

อันแรกเลยคือ วัตถุประสงค์ของการเดินทาง ถ้าเราต้องการจะไปท่องเที่ยว หรือทำธุระส่วนตัวของเรา Purpose of Trip to the U.S. คือ TEMP. BUSINESS PLEASURE VISITOR (B) [1]

ลงรายละเอียด คือ เป็น BUSINESS & TOURISM (TEMPORARY VISITOR) (B1/B2) [2]

ข้อต่อมา ถ้าคุณมีกำหนดการณ์ที่ชัดเจนมากๆอยู่แล้ว คุณตอบ Yes [1] คุณจะต้องกรอกข้อมูล วันที่คุณจะเข้าประเทศ [2] เที่ยวบินขาเข้า (ถ้ารู้) [3] เมืองที่คุณจะเดินทางเข้า [4] รวมถึงวันที่คุณจะเดินทางออก [5] เที่ยวบินขาออก (ถ้ารู้) [6] เมืองที่คุณจะเดินทางออก [7]

และก็สถานที่ที่คุณจะไปในประเทศอเมริกา [8] ส่วนนี้ถ้าคุณไปหลายที่หลายเมือง มีปุ๋ม + Add Another และ ปุ่ม – Remove เผื่อคุณต้องการเพิ่มรายละเอียดให้ชัดที่สุด

แต่ข้อนี้ หากคุณตอบ No [1] ก็จะใส่ข้อมูลการเดินทางน้อยลงมาก เหลือแค่วันที่คาดว่าจะไปถึง [2] และระยะเวลาที่เราจะอยู่ในประเทศอเมริกา [3]

ต่อจากข้อมูลการเดินทาง ก็ขณะจะเป็นข้อมูลของที่พักที่เราอยู่ในประเทศอเมริกา [1] ต้องมีที่อยู่ หรือ Address ชัดเจน กรณีนี้ ถ้าเราพักบ้านญาติ คนรู้จัก แฟน เราสามารถใส่ที่อยู่ของเค้าได้เลย หากเราพักโรงแรม เราก็ใส่ Address ของโรงแรมได้

กรณีที่พักหลายที่ ส่วนใหญ่ก็ดูเป็นกรณีไป บางทีผมก็ใส่ที่พักที่แรก ในเมืองที่เราเดินทางเข้า หรือบางทีหากเราพักทั้งบ้านญาติ ทั้งโรงแรม ผมก็จะใส่ที่อยู่บ้านญาติ อันนี้ดูเป็นกรณีๆไป ไม่มีกฎตายตัว แต่ต้องเลือกมาใส่ซักทีหนึ่ง

ในช่องต่อมา เป็นการระบุผู้ที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในทริปนี้ [2] ถ้าเป็นตัวเอง ก็ใส่ SELF ส่วนกรณีที่มีผุ้อื่นออกเงินให้ ไม่ว่าจะเป็นบุคคล, บริษัทต้นสังกัดในไทย, บริษัทที่อเมริกา ก็เลือกไปตามจริง

ต่อมาเป็นข้อมูลของผู้ที่เดินทางพร้อมกับเรา (Travel Companions Information)

ถ้าเรามีคนเดินทางพร้อมกับเราด้วย ตอบ Yes [1] หากไม่มีใครเดินทางพร้อมเรา เราเดินทางคนเดียว ตอบ No

เราเดินทางเป็นกรุ๊ป หรือเดินทางมาในรูปแบบองค์กรใดหรือไม่ ถ้าไม่ เราก็ตอบ No [2]

จากนั้นเราก็ต้องกรอก ชื่อนามสกุล ของคนที่เดินทางพร้อมเรา [3] รวมถึงความสัมพันธ์ของของเรากับคนที่เดินทางด้วยกัน [4] เป็นสามีภรรยา เป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง ก็ระบุไปตามจริงครับ

ถัดมาจะเป็นเรื่องประวัติการเดินทางมาประเทศสหรัฐอเมริกาของเรา (Previous U.S. Travel Information)

ถ้าเราไม่เคยมาเลย ก็ตอบ No

แต่ถ้าเคยมาแล้วก็ตอบ Yes [1] และต้องระบุรายละเอียดการเดินทางทุกครั้ง มีปุ่ม + แลให้คลิ๊กเพิ่มลดจำนวน การกรอกข้อมูลตรงนี้ [2] ถ้าคนที่เคยไปอเมริกาครั้งสองครั้ง ก็กรอกไม่ยาก แต่หากใครเคยไปมาแล้วเป็นสิบๆครั้ง ก็จะลำบากหน่อย ถ้าถามว่าจำไม่ได้ หรือกรอกไม่ครบเป็นอะไรมั้ย ตรงนี้ขึ้นอยู่กับประวัติของเราเอง ถ้าเราไม่เคยทำอะไรผิดเลยทุกครั้งที่ไป อันนี้ไม่น่าจะมีปัญหาครับ เจ้าหน้าที่เข้าใจอยู่แล้ว เพียงแต่ถ้ากรอกได้ทั้งหมดก็ดี

คำถามต่อมาคือ เรามี หรือเคยมีใบขับขี่ของประเทศสหรัฐอเมริกา (U.S. Driver’s license) หรือไม่ ถ้ามีก็ตอบ Yes และระบุข้อมูลใบขับขี่ของเรา หากไม่มีก็ตอบ No [3]

จากนั้นจะเจอ คำถามว่าเราเคยมีวีซ่าอเมริกา หรือไม่ ถ้าไม่ก็ตอบ No [1]

แต่ถ้าเคยมีก็ตอบ Yes และต้องให้รายละเอียดของวีซ่าตัวสุดท้ายที่เราเคยมี

วีซ่านั้นออกเมื่อไหร่ [2]

หมายเลขวีซ่า [3] อันนี้ถ้าไม่รู้ หรือจำไม่ได้ สามารถติ๊ก Do Not Know

สมัครวีซ่าประเภทเดิมใช่หรือไม่ [4] ถ้าคราวก่อนเรามีวีซ่า B1/B2 แล้วคราวนี้สมัครเหมือนเดิม ก็ตอบ Yes

ครั้งนี้ สมัครจากประเทศที่เคยออกวีซ่าให้เรา หรือประเทศที่เราอยู่อาศัยใช่หรือไม่ [5]

เคยเก็บลายนิ้วมือ (ตอนขอวีซ่าอเมริกา) ทั้ง 10 นิ้วรึยัง [6]

วีซ่าที่เราได้รับ เคยหาย หรือถูกขโมยหรือไม่ [7]

เคยถูกยกเลิก หรือถอนวีซ่าอเมริกาหรือไม่ [8]

คำถามต่อมา คือ คุณเคยโดนปฏิเสธวีซ่าอเมริกา หรือ เคยโดนปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศอเมริกา หรือ เคยโดนยกคำร้องขอวีซ่าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ ถ้าไม่ก็ตอบ [1]

*** อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโดนยกคำร้อง น่าจะเป็นบางประเทศที่ขอวีซ่าเข้าอเมริกา on arrival ได้ ก็คือ ไปกรอกฟอร์มกันตรงด่าน ตม. เลย แต่ประเทศไทยไม่ใช่แบบนั้น ต้องขอวีซ่าไปก่อนนะครับ ***

ถ้ดมา เคยมีใครทำเรื่องวีซ่าถาวรของอเมริกาให้เรามั้ย ถ้าไม่มีก็ตอบ No [2]

จากนั้นเราต้องใส่ข้อมูลการติดต่อตัวเราในอเมริกา ซึ่งตรงนี้จะเป็น บุคคล หรือ องค์กร ก็ได้ แต่ต้องมีอย่างใดอย่างหนึ่ง กรณีเป็นบุคคล เราก็ใส่ นามสกุลชื่อ ของบุคคลนั้น [1]

กรณีเป็นองค์กร เราก็ใส่ชื่อองค์กร [2]

แล้วก็ใส่ความสัมพันธ์ เป็นญาติ หรือเป็นอะไรกับเราก็ใส่ไป [3]

นอกจากชื่อและความสัมพันธ์แล้ว เราต้องให้ ที่อยู่ [1], เบอร์โทร [2], และอีเมล [3] ด้วย สำหรับอีเมล หากไม่รู้ สามารถติ๊กช่อง Does Not Know ได้

ต่อมา ข้อมูลครอบครัว

เริ่มด้วย ของพ่อ

นามสกุล [1], ชื่อ [2], วัน เดือน ปี เกิด [3]

ส่วนคำถามสุดท้าย คือ พ่อของเราอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ตอบ No [4]

ต่อด้วยข้อมูลของแม่ (เหมือนกันกับของพ่อ)

นามสกุล [1], ชื่อ [2], วัน เดือน ปี เกิด [3]

ส่วนคำถามสุดท้าย คือ แม่ของเราอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ตอบ No [4]

ข้อต่อมา หากเรามีญาติใกล้ชิดที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา [1] ถ้าไม่มีก็ตอบ No แต่ถ้ามี ข้อนี้ต้องตอบ Yes และกรอกข้อมูล

นามสกุลชื่อ [2], ความสัมพันธ์ [3], สถานะของคนคนนี้ในประเทศอเมริกา [4] คือ จะถือวีซ่าชั่วคราว ถือกรีนการ์ด หรือเป็น U.S. citizen ก็เลือกตอบตามความจริง

*** ญาติใกล้ชิดในที่นี้ คือ คู่หมั้น, คู่ครอง (สามีภรรยา), บุตร, หรือ พี่น้อง เท่านั้นนะครับ ถ้าเป็นลูกพี่ลูกน้อง เป็นลุงป้าน้าอา แบบนี้ไม่ว่าในชีวิตจริงจะใกล้ชิดสนิทสนมแค่ไหน ก็ไม่ต้องใส่ไปนะครับ ***

ข้อมูลครอบครัวต่อ เป็นส่วนของข้อมูลคู่ครอง หรือคู่สมรส

นามสกุลชื่อ [1], วัน เดือน ปี เกิด [2], สัญชาติ [3], เมืองที่เกิด [4], ประเทศที่เกิด [5]

ที่อยู่ หากเป็นที่อยู่เดียวกับเรา ก็เลือกได้เลย [6] แต่หากเป็นคนละที่ก็ต้องกรอกข้อมูล

*** สำหรับข้อมูลส่วนนี้จะไม่มีให้กรอก หากเราระบุสถานะโสด (single) ตั้งแต่แรก ***

ต่อไปเป็นส่วนของ ข้อมูลการทำงาน / การศึกษา (ตรงนี้แนะนำให้กรอกให้ละเอียดที่สุดนะครับ เพราะเป็นส่วนที่สำคัญในการพิจารณาวีซ่า)

ข้อมูลอาชีพหลัก (Primary Occupation) [1] หากใครที่มีหลายอาชีพ ผมแนะนำว่าเอาอาชีพที่เราใช้เวลากับมันมากที่สุดก่อน ถ้าหากใช้เวลาพอๆกัน ก็เลือกอาชีพที่สร้างรายได้หลักให้กับเรา

กรอกชื่อนายจ้าง หรือหากเรากำลังศึกษาอยู่ (ระบุอาชีพเป็นนักเรียนนักศึกษา) [2]

จากนั้นกรอกที่อยู่, เบอร์โทร ให้เรียบร้อย [3]

ต่อมาให้หน้าเดิม ระบุวันที่เริ่มงาน [1]

รายได้ต่อเดือน (ในหน่วยเงินของเรา) [2]

และอธิบายรายละเอียดงานของเรา ตรงนี้ผมแนะนำให้เขียนให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ทำได้ [3]

หากงานนี้ไม่ใช่งานแรกของเรา ก็ตอบ Yes [1] เราสามารถกรอกข้อมูลงานที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ได้ด้วย

ใส่ชื่อที่ทำงานเก่า [2] และที่อยู่ เบอร์โทรให้ละเอียด [3]

ในหัวข้อเดิม ต้องใส่ชื่อตำแหน่งงานนั้นของเรา [1]

ใส่ นามสกุลชื่อ ของหัวหน้า [2]

ใส่ วัน เดือน ปี ที่เริ่ม [3] และ วัน เดือน ปี ที่ทำงานวันสุดท้าย [4]

รวมถึงเขียนอธิบายรายละเอียดของงานนี้เช่นกัน [5]

ข้อต่อมา หากเราเคยเรียนในระดับมัธยมศึกษาขึ้นไป ก็ตอบ Yes [1] แล้วเราก็ต้องกรอกข้อมูลสถานศึกษา (สูงสูด) ของเราด้วย

ชื่อที่อยู่ของสถาบัน [2]

หลักสูตรที่เราเรียน [3]

วันที่เข้าเรียน [4]

วันสุดท้ายของการเรียน [5]

ส่วนต่อมา เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ การทำงาน / การศึกษา

เราเป็นชนกลุ่มน้อย หรือ ชนเผ่าไหนหรือไม่ ถ้าใช่ก็ตอบ Yes แล้วใส่ข้อมูล ถ้าไม่ เราก็ตอบ No [1]

เราพูดภาษาใดได้บ้าง ที่แน่ๆ เราต้องใส่ภาษาแม่ หรือภาษาหลักของเรา [2]

ส่วนใครที่พูดได้มากกว่าหนึ่งภาษา ก็สามารถกด + Add Another เข้าไปได้ [3]

ถัดมา หากเราเคยเดินทางไปประเทศไหน ในช่วง 5 ปีหลัง เราก็ตอบ Yes [1] แล้วใส่รายละเอียดประเทศที่เราไปมา [2] หากไม่ได้ไปไหนเลย ก็ตอบ No

ส่วนข้อต่อนี้ส่วนใหญ่ตอบ No ผมขออธิบายแค่คร่าวๆนะครับ

เราเคยอยู่ หรือทำงาน ในองค์กร เพื่อสังคม หรือไม่ No [3]

เรามีความสามารถพิเศษ พวกทำระเบิด ทำนิวเคลียร์ หรืออาวุธเคมี หรือไม่ No [4]

เราเคยรับราชการทหารหรือไม่ No [5]

เราเคยอยู่ในกลุ่มกบฎใดๆ หรือไม่ No [6]

*** ขออธิบายเพิ่มตรงนี้ว่า ชายไทยที่เกณฑ์ทหาร สามารถตอบ Yes แล้วเขียนอธิบายได้นะครับ แต่ที่ผ่านๆมาหลายคนก็ตอบ No ไปเพราะถือว่าไม่ได้เป็นทหารไปรบ หรือ เป็นแค่ทหารเกณฑ์ ไม่ได้รับผิดชอบในหน่วยงานทหารใดๆ ถือว่าไม่ได้มีผลต่อการพิจารณาวีซ่า ส่วนคนที่เรียน รด., จับได้ใบดำ, หรือไม่ได้เกณฑ์ด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม อันนี้ตอบ No ชัดเจน ***

ส่วนต่อมา จะเป็นคำถาม เกี่ยวกับความมั่นคง และประวัติที่ผ่านมา

จะเป็นคำถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ คดีความ การกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอยู่ในการขอวีซ่าแทบทุกประเทศนะครับ เหมือนเป็นหลักสากล ที่เค้าต้องถาม เผื่อมีการเช็คย้อนหลัง เราจะไม่สามารถอ้างได้ว่าเราไม่เคยถูกถามคำถามพวกนี้

กรณีที่ใครมีปัญหาจริงๆ ควรตอบตามจริง และเขียนอธิบาย เพราะหลายเรื่องเป็นเรื่องร้ายแรง หากไม่กรอกไป แล้วเจ้าหน้าที่มารู้ทีหลัง จะกลายเป็นเราที่ให้ข้อมูลเท็จ

แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่เคยมีปัญหาอะไร ก็ตอบ No ให้หมดนะครับ

ข้อแรก คุณเป็นโรคติดต่อร้ายแรงหรือไม่ [1] ถ้าใครเคยเป็น ก็ลองดูชื่อโรคเอานะครับ ว่าโรคที่เราเป็นอยู่ในลิสต์นี้รึเปล่า

คุณมีปัญหาด้านสมอง หรือร่างกาย ที่จะส่งผลต่อตัวเองและผู้อื่นหรือไม่ [2]

คุณเกี่ยวข้องกับสิ่งเสพติดหรือไม่ [3]

ส่วนต่อมาเป็นส่วนของคดีความ ผมอธิบายคร่าวๆ ส่วนใหญ่ก็ตอบ No นะครับ

เคยต้องคดีอาญาใดๆหรือไม่ [1]

เคยฝ่าฝืนการโดนบังคับคดีหรือไม่ [2]

มาเพื่อค้าประเวณีในอเมริกา หรือเคยเกี่ยวข้อง หรือไม่ [3]

เคยมีส่วนกับการฟอกเงินหรือไม่ [4]

ต่อจากส่วนที่แล้ว อันนี้จะเป็นเรื่องการค้ามนุษย์ ก็ตอบ No นะครับ

เคยเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ [1]

เคยมีส่วนร่วมรู้เห็นกับการค้ามนุษย์หรือไม่ [2]

คู่ครอง หรือ บุคร เคยเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์หรือไม่ [3]

ถัดมา จะเป็นคำถามเกี่ยวกับการก่อการร้าย ก็ตอบ No เช่นกัน

คุณจะเข้ามาเพื่อหาจารกรรมหรือไม่ [1]

คุณจะหาโอกาสเข้าร่วม หรือเคยร่วมการก่อการร้ายหรือไม่ [2]

คุณเคยเจตนาให้การสนับสนุนผู้ก่อการร้ายหรือไม่ [3]

คุณเป็นสมาชิกองค์กรก่อการร้ายหรือไม่ [4]

ยังเป็นคำถามที่ต้องดอบ No เหมือนเดิมนะครับ

เคยเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธ์หรือไม่ [1]

เคยเกี่ยวข้องกับการทรมานมนุษย์หรือไม่ [2]

เคยเกี่ยวข้องกับการสั่งการ จ้างวานฆ่า หรือไม่ [3]

เคยเกี่ยวข้องกับการใช้งานทหารเด็กหรือไม่ [4]

ยังเป็นคำถามยากๆที่ตอบ No เหมือนเดิม

เคยทำงานที่เกี่ยวกับการคุกคามเสรีภาพทางศาสนาหรือไม่ [1]

เคยเกี่ยวข้องโดยตรงกับการทำแท้งผิดกฎหมายหรือไม่ [2]

เคยเกี่ยวข้องโดยตรงกับการซื้อขายอวัยวะหรือเซลล์ของมนุษย์หรือไม่ [3]

ต่อมา คุณเกี่ยวข้องหรือได้รับความช่วยเหลือให้ได้วีซ่าเพื่อเข้าประเทศสหรัฐอเมริกา โดยการปลอมแปลง หรือทำผิดกฎหมายหรือไม่ ตอบ No [1]

3 ข้อสุดท้าย ก็ยังตอบ No นะครับ

เคยถือสิทธิ์ปกครองเด็กที่ถือสัญชาติอเมริกาที่อยู่นอกประเทศหรือไม่ [1]

เคยลงคะแนนสนับสนุนอะไรก็ตามที่แย้งกันกับกฎหมายสหรัฐฯหรือไม่ [2]

เคยสละสัญชาติอเมริกาเพื่อเลี่ยงภาษีหรือไม่ [3]

จบคำถามทั้งหมดแล้วนะครับ ก่อนที่จะไปในส่วนของการอัพโหลดรูป บางคนอาจจะสังเกต แต่บางคนอาจจะไม่ได้สังเกต เพราะกรอกเพลินๆ คือในส่วนซ้ายมือ ที่ผมเอากรอบสีเขียวครอบไว้ คือ ข้อมูลทั้งหมดที่เรากรอกมา ซึ่งเราสามารถคลิ๊กย้อนกลับไปดูได้

กรอกข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็จะเข้าในส่วนของการอัพโหลดรูป สามารถคลิ๊กด้านล่าง [1] ได้เลย

ส่วนด้านบนเป็นเหมือนหัวข้อ เราอยู่หัวข้อไหน แถบด้านบนก็จะแสดงสถานะ

การอัพโหลดรูป กรณีที่รูปของเราไม่ได้มาตรฐาน เราสามารถเข้าไปทำการตัดได้ [1]

หากพร้อมแล้วต้องการอัพโหลด ก็มาคลิ๊กเลือกไฟล์ [2]

แล็วก็กดอัพโหลดไฟล์ที่เราเลือก [3]

เมื่อไฟล์รูปที่อัพไปใช้ได้ ภาพผ่านมาตรฐาน ก็จะขึ้นเป็นรูปที่เราอัพ (ในนี้ผมใช้กราฟฟิกมาปิดไว้เฉยๆนะครับ)

ก็คลิ๊กใช้รูปนี้ แล้วไปต่อได้เลย [1]

จากนั้นระบบจะให้เรายืนยันรูปอีกครั้งนะครับ ถ้าเราจะเปลี่ยนใจใช้รูปอื่น ก็เลือกเปลี่ยนรูปได้ [1] แต่ถ้าเราไม่เปลี่ยน ก็คลิ๊ก Next ด้านล่าง เพื่อไปส่วนของการ Review ได้เลย

ในส่วนของการรีวิว ก็คือการเช็คข้อมูลที่เรากรอกไปทั้งหมดนะครับ

ควรเช็คดูอีกรอบ ว่าเรามีการกรอกอะไรผิดรึเปล่า โดยเฉพาะ ชื่อ วันเดือนปีเกิด หมายเลขพาสปอร์ต

ซึ่งตรงนี้สามารถกดปุ่ม Edit เพื่อย้อนกลับไปแก้ไขได้นะครับ

(ตรงนี้สามารถเลื่อนข้ามไปเร็วๆได้ครับ ใกล้เสร็จแล้ว)

ตรงนี้เป็นส่วนของสถานที่ยื่นวีซ่าของเรา ต้องดูให้ดีนะครับ ย้ำอีกทีว่าประเทศไทยจะเลือกได้ 2 ที่ คือ BANGKOK กับ CHIANG MAI

ขั้นตอนสุดท้าย จะเป็นการ Sign and Submit หรือ การเซ็นยืนยัน และ ยื่นแบบฟอร์ม ซึ่งกรณีนี้จะเป็นการเซ็นแบบอิเล็กทรอนิก หรือ E-Sign และ การยื่นออนไลน์ หรือ Online Submission

ซึ่งระบบก็จะมีรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ ให้เราอ่านและยอมรับก่อน เช่น ให้เรายืนยันว่าเราให้ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง หรือให้เรายอมรับผลการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ อะไรประมาณนี้ ก็ต้องยอมรับไป

ก่อนจะยอมรับ จะมีคำถามอีกนิดนึง ว่ามีใครช่วยเราในการกรอกแบบฟอร์มรึเปล่า ถ้าไม่มีก็ตอบ No [1]

จากนั้นใส่หมายเลขหนังสือเดินทาง [2]

แล้วก็ใส่ Code ตามที่เห็น [3]

แล้วก็คลิ๊กด้านล่าง เป็นอันเสร็จขั้นตอนการกรอกข้อมูล

หลังจากนี้ ระบบจะขึ้นหน้า Confirmation เพื่อยืนยันว่าเราได้ทำการยื่นใบสมัครออนไลน์แล้ว เราสามารถปริ๊นท์ตัวเอกสารต่างๆออกมาเก็บไว้ได้เลย แต่ต้องระวังด้วยนะครับ เพราะเอกสารบางตัวจะระบุว่าห้ามนำไปในวันสัมภาษณ์

สำหรับการกรอกใบสมัคร วีซ่าอเมริกา หรือ DS-160 ก็คงจะมีเท่านี้ก่อนนะครับ

ขั้นตอนการชำระค่าธรรมเนียมวีซ่า และขั้นตอนการทำนัดสัมภาษณ์ จะขอมาอธิบายต่อในคราวหน้าครับผม

สุดท้ายนี้หวังว่า ตัวอย่าง การกรอกแบบฟอร์ม วีซ่าอเมริกา ออนไลน์ (DS-160) อันนี้จะมีประโยชน์กับคนที่กำลังจะยื่นขอ วีซ่าอเมริกา ไม่มากก็น้อยนะครับ

สำหรับใครที่มีคำถาม หรือไม่เข้าใจตรงไหน สามารถสอบถามมาได้ที่ https://www.facebook.com/helpforvisa/ นะครับ

ขอบคุณครับ

Admin – www.helpforvisa.com

ปรึกษาเรื่อง วีซ่า ติดต่อเราได้ที่ https://www.facebook.com/helpforvisa/

#วีซ่า #วีซ่าอเมริกา #แบบฟอร์ม #ds160 #form #visa #usvisa #usa